“เนสท์เล่” เคลื่อนธุรกิจในไทยสู่ปีที่ 131 ควัก “หมื่นล้าน” ลงทุนใหญ่รอบ 5 ปี ขยายกำลังผลิตสินค้า ทำตลาด-โฆษณา ย้ำเบอร์ 1
“เนสท์เล่” ยักษ์ใหญ่ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มระดับโลกจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เข้ามาสร้างรากฐานการค้าขาย ปักหมุดฐานผลิต ลงทุนมหาศาลในประเทศไทยยาวนานถึง 130 ปี
ทิศทางการขับเคลื่อนอาณาจักร “ร้อยปี” จากนี้ ยังคงเดินหน้าลงทุน สร้างการเติบโตรายได้ ควบคู่สร้างความยั่งยืนโลก
นายวิคเตอร์ เซียห์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า ย้อนตำนาน “เนสท์เล่” ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2436 ด้วยการโฆษณาผลิตภัณฑ์นมข้นหวานตราแม่ทูนหัว (หรือมิลค์เมด) จากนั้นสร้างฐานผลิตลงทุน “โรงงาน” แห่งแรกในปี 2510 ที่สำโรง
เส้นทางการเติบโตของ “เนสท์เล่” ในประเทศไทยจากอดีตถึงปัจจุบัน ได้ลงทุนขยายโรงงานทั้งสิ้น 8 แห่ง เพื่อผลิตสินค้าทั้ง กาแฟ น้ำดื่ม ผลิตภัณฑ์ อาหารสัตว์เลี้ยง ฯ ในพื้นที่ต่างๆ เช่น ฉะเชิงเทรา สุราษฎร์ธานี อยุธยา บางชัน เป็นต้น
“เนสท์เล่มีส่วนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เจริญเติบโต การเข้ามาลงทุนยังเกิดการจ้างงานกว่า 4,000 คน และจ้างงานทางอ้อมกว่า 10,000 ตำแหน่ง”
ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา บริษัทยังใช้เงินลงทุนกว่า 13,600 ล้านบาท เพื่อเปิดโรงงานแห่งใหม่ ทั้งโรงงานผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง “เนสท์เล่ เพียวริน่า เพ็ทแคร์” และ โรงงานผลิตเครื่องดื่มนมแบรนด์ไมโลและนมตราหมี ยูเอชที อย่าง “เนสท์เล่นวนคร 7” และลงทุนตั้งหน่วยธุรกิจออนไลน์ รองรับเศรษฐกิจดิจิทัล รวมถึงพฤติกรรมผู้บริโภคช้อปออนไลน์มากขึ้น
เนสท์เล่ ควัก “หมื่นล้าน” ลงทุนใหญ่รอบ 5 ปี
ขณะที่การขับเคลื่อนธุรกิจก้าวต่อไปของ “เนสท์เล่ ประเทศไทย” ปี 2566 บริษัทยังเดินหน้าขยายการลงทุนภายใต้งบประมาณรวม 10,000 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 5 ปี โดยแบ่งเป็นลงทุนโรงงานอาหารสัตว์เลี้ยง 6,500 ล้านบาท เพิ่มกำลังการผลิต 15% รองรับการส่งออกสัดส่วน 95% ไปยังประเทศออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น เป็นต้น
“เฉพาะปี 2566 บริษัทใช้งบลงทุน 10,000 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 5 ปี ที่ดำรงตำแหน่งแม่ทัพธุรกิจ และการลงทุนดังกล่าว เพราะเชื่อว่าเราเป็นบริษัทไทย ต้องผลิตสินค้าในประเทศไทย ซึ่งการทำทุกอย่างหรือผลิตในประเทศ ทำให้มั่นใจในการส่งมอบสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยได้อย่างดี”
นอกจากนี้ จะลงทุนในด้านธุรกิจและการตลาด 3,500 ล้านบาท เพื่อผลักดันการเติบโตยอดขายและรักษาส่วนแบ่งทางการตลาด
“งบการตลาดและโฆษณา เราจะใช้เทียบเท่าปีก่อนหรือมากกว่า เพราะเราเองต้องกลับมาสร้างแบรนด์ กระตุ้นยอดขายให้เติบโต และรักษาส่วนแบ่งทางการตลาด” แนะนำข่าวเพิ่มเติม>>> เสริมอาหาร-บิวตี้จ่อเปิดตลาด จับตาสินค้ากัญชา-กัญชงแผ่วนโยบายรัฐไม่ชัด