น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบให้มีการแยกรายวิชาพื้นฐานประวัติศาสตร์ออกมาเป็น 1 รายวิชาอย่างเป็นทางการ
ซึ่งจะอยู่ในร่างประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง การบริหารจัดการโครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษา 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ และ 1 รายวิชาพื้นฐานประวัติศาสตร์ของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พร้อมกับพิจารณาแนวทางขับเคลื่อนการจัดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมือง ปีงบประมาณ 2566 เพื่อเป็นแนวทางให้ต้นสังกัดของสถานศึกษา และสถานศึกษาสามารถจัดกิจกรรมการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป การแยกรายวิชาพื้นฐานประวัติศาสตร์นี้จะไม่สร้างความยุ่งยากในการจัดการเรียนการสอน หรือสร้างภาระงานให้ครูหรือนักเรียน โรงเรียนจะต้องมุ่งเน้นให้เด็กรุ่นใหม่ตื่นตัวกับการเรียนประวัติศาสตร์รูปแบบใหม่มากขึ้น เช่น การใช้พิพิธภัณฑ์เป็นสื่อ การใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นและต่อยอดประวัติศาสตร์สู่งานอาชีพ การบูรณาการประวัติศาสตร์กับรายวิชาอื่น และการศึกษานอกสถานที่และแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ เป็นต้น
“การแยกวิชาประวัติศาสตร์ต้องการปรับการเรียนให้มีความทันสมัยและน่าสนใจ ไม่ได้เป็นการเพิ่มชั่วโมงเรียน แต่เป็นการออกแบบโครงสร้างการเรียนใหม่ โดยเด็กจะเรียนเท่าเดิม แต่เน้นการศึกษาประวัติศาสตร์ เพื่อเชื่อมอดีตสู่อนาคตในมิติเศรษฐกิจสังคมและหน้าที่พลเมือง ซึ่งต้องอบรมและพัฒนาครูสอนประวัติศาสตร์ให้มากขึ้น รวมถึงการบรรจุครูใหม่ต้องมีครูเอกประวัติศาสตร์ โดยจะมอบสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เกลี่ยอัตราโครงสร้างการบรรจุครูประวัติศาสตร์ด้วย” รมว.ศธ.กล่าว
ด้านนายอัมพร พินะสา เลขาธิการ กพฐ. กล่าวว่า การแยกวิชาประวัติศาสตร์ครั้งนี้ มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งต้องสร้างความเข้าใจต่อไป.